วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

บทที่ 5

บทที่ 5

1.               อธิบายความหมาย โครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (อังกฤษInternet Access) หมายถึงการเชื่อมต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือคอมพิวเตอร์ใดๆ หรืออุปกรณ์มือถือ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ตได้ (เช่นอีเมลและเวิลด์ไวด์เว็บผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider, ISP) เสนอการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนทั่วไปผ่านทางเทคโนโลยีต่างๆที่มีความหลากหลายของอัตราการส่งสัญญาณข้อมูล (ความเร็ว)
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Internet_Connectivity_An_Overview.svg/220px-Internet_Connectivity_An_Overview.svg.png
http://bits.wikimedia.org/static-1.22wmf15/skins/common/images/magnify-clip.png
รูปแบบการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในแต่ละวิธีและเทคโนโลยีที่ใช้
ผู้บริโภคใช้งานอินเทอร์เน็ต, ในช่วงต้นก่อนที่จะกลายเป็นที่นิยม, ผ่านทางโทรฯเข้า (dial-up) ซึ่งเป็นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในทศวรรษที่ 1980 และ 1990. ในช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 ผู้บริโภคจำนวนมากใช้เทคโนโลยีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบบรอดแบนด์ทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น

2.               อธิบายความหมายเวิลดืเว็บ เว็บเบราวเซอร์
 เวิลด์ไวด์เว็บ

เวิลด์ไวด์เว็บ (อังกฤษ: World Wide Web, WWW, W3 ; หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "เว็บ") คือพื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยการกำหนด URL คำว่าเวิลด์ไวด์เว็บมักจะใช้สับสนกับคำว่า อินเทอร์เน็ต โดยจริงๆแล้วเวิลด์ไวด์เว็บเป็นเพียงแค่บริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต
https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTXr9jIBEZoY5YN0DRfcMSpoi922THXlLkIS-plecN2TPMH8I60
เว็บเบราว์เซอร์

เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) หรือเรียกย่อๆว่า เบราว์เซอร์ คือโปรแกรมที่ใช้แสดงผลเว็บเพจ เว็บเบราว์เซอร์ ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในขณะนี้ คืออินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พรอเรอะร์ (Internet Explorer หรือ IE) ของไมโครซอฟต์ เหตุที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเคยเป็นโปรแกรมแถมฟรีมากับระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟต์ จนถึงรุ่น Windows 2000 เบราว์เซอร์ ที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือเน็ตสเคป (Netscape) ซึ่งออกมาก่อน IE ด้วย ซ้ำ แต่ต้องพ่ายแพ้กลยุทธ์ทางการตลาดของคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังมีเบราว์เซอร์ของผู้ผลิตรายอื่นอีก รวมทั้งเบราว์เซอร์ ที่เป็นแชร์แวร์ และฟรีแวร์ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยไม่ต้องซื้ออีกหลายโปรแกรม เช่น Opera สามารถ ดาวน์โหลดได้ที่
ดาวน์โหลด.jpg

3.               อธิบายวิธีการอ้างอิงที่อยู่เว็บ และวิธีการค้นหาผ่านเว็บ
เท่าที่ค้นหาข้อมูลมาจะมีการอ้างอิงทั้งแบบไทย กับแบบสากล (อังกฤษ)แบบไทย (อันนี้เอามาจากหนังสือเรียนน่ะ) ปัจจุบันมีการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์ โดยเฉพาะจากไทยวิกิพีเดีย หรือเว็บที่มีลักษณะเดียวกันไปใช้อ้างอิงจำนวนมาก ความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม รวมทั้งปริมาณการอ้างอิง คงต้องให้ทางครู อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข กติการการใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์เพื่อการอ้างอิงผลงาน แต่ประเด็นหนึ่งที่วิทย์ในเว็บให้ความสำคัญและกระทำได้คือ ผู้ที่ประสงค์นำเนื้อหาวิทย์ในเว็บหรือไทยวิกิพีเดีย หรืออื่นๆ ในลักษณะเดียวกันนี้ไปใช้ ควรทราบถึงปัญหาการเ้ข้ารหัสภาษาไทยที่ผิดพลาดจากการคัดลอก URL ของเนื้อหา เช่น เมื่อนำเนื้อหาจากหน้า ประเทศไทยของไทยวิกิพีเดียไปอ้างอิงในเอกสารที่สร้างด้วย Word Processor และคัดลอก URL กำกับ มักจะปรากฏผลเป็น
การสืบค้นข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์นั้น มีมากมายหลายประเภท ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราจะสืบค้น ซึ่งเราจะสามารถยกตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้
1.การสืบค้นบทความ
หากเราต้องการหาข้อมูลที่เป็นบทความ เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย เห็นจะเป็นเว็บไซต์ google ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เหมือนห้องสมุด หรือบางทีอาจจะมากกว่าห้องสมุดด้วยซ้ำ ซึ่งสามารถทำได้โดยการ พิมพ์สิ่งที่เราต้องการค้นหาลงไปในช่อง search ของทางเว็บไซต์ แล้วเว็บไซต์ทีเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราตอ้งการค้นคว้านั้น ก็จะมีมาให้เราเลือกมากมายเต็มไปหมด แม้ว่าในเมืองไทย เว็บไซต์ google อาจจะได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในต่างประเทศแล้ว ยังมีอีกเว็บไซตืที่มีลักษณะเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น yahoo , bing ก็เป็นลักษณะ web search เช่นเดียวกัน เราเรียกว่า website ในลักษณะนี้ว่า web search engine
2. การสืบค้น video ผ่านทางอินเตอร์เน็ต
เว็บไซต์ที่สนับสนุนการแชร์ไฟล์วีดีโอ ให้แปลงผลเป็นการดูวีดีโอออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิมมากที่สุดขณะนี้ คงจะเป็นเว็บไซต์ youtube ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เว็บไซต์นี้ยังได้รับความนิยมไปอีกทั่วโลก หลายท่านอาจสงสัยว่า วีดีโอเหล่านั้นมาได้อย่างไร วีดีโอเหล่านี้ เกิดจากสมาชิกในเว็บไซต์ (เพียงแค่เราสมัครเป็นสมาชิก เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกเว็บไซต์ได้แล้ว) ได้ upload วีดีโอที่พวกเขาต้องการแชร์ให้คนอื่นๆได้ดู โดยไม่ปิดบัง โดยทางเว็บไซต์มีข้อแม้ที่ว่า วีดีโอเหล่านั้น ต้องเป็นวีดีโอที่ถูกลิขสิทธิ์ เพียงเท่านี้ เราทุกคนก็สามารถแชร์วีดีโอให้ใครหลายๆคนดูได้แล้ว
วีธีการค้นหาไฟล์วีดีโอเหล่านั้น ต้องเริ่มต้นจากการเข้าเว็บไซต์ youtube เสียก่อน แล้วมุมบนดานซ้ายของหน้าเว็บ จะมีช่องว่างให้ใส่สิ่งที่ต้องการค้นหาลงไป หลังจากกด search แล้ว วีดีโอที่สอดคล้องกับข้อความที่ท่าน search ก็จะปรากฏขึ้น และสามารถนำมาเป็นสื่อการเรียนการสอนได้ อีกแง่มุมนึ่งที่น่าสนใจ แต่ข้อจำกัดของการใช้วีดีผ่านทางเว็บไซต์นั้น มีเพียงข้อเดียว คือต้องมีอินเตอร์เน็ต หากไม่มีอินเตอร์เน็ต วีดีโอเหล่านี้ก็จะไม่สามารถอัพโหลดขึ้นมาได้
แต่ก็ไม่ใช่เพียงเว็บไซตื youtube เท่านั้นที่ได้รับความนิยม ยังมีเว็บไซต์ที่คอยแชร์ผลงานวีดีโอ ที่เกี่ยวข้อกับงานศิลปะโดยเฉพาะ อย่างเว็บไซต์ vimeo ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ด้วย
3.การสืบค้นความมหายของคำศัพท์ต่างประเทศ (ผ่านทางอินเตอร์เน็ต)
มีเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ในปัจจุบัน ที่ทำหน้าทีเป็นเหมือน พจนานุกรม หรือ dictionary online เพื่อยคอยอำนวยความสะดวกให้แก่เรา ได้ค้นหาความหมายของศัพท์ที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่เพียงแต่ถาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังมีทั้งภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน และอื่นๆอีกมากมาย เช่นเว็บไซต์ http://dict.longdo.com/ แต่หากเราอยากเลือกหลายเว็บไซต์เพื่อผ่านเป็นตัวเลือก เราสามารถค้นหาเว็บไซต์ผ่านทางเว็บ google ก็ได้ โดยการพิมพ์คำว่า dictionary พร้อมภาษาที่ท่านต้องการ เพียงเท่านี้ ท่านก็จะสามารถหาเว็บไซต์ทีเกี่ยวข้อกับการหาคำศัพท์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
4.การสืบค้นรูปภาพ
google นอกจากจะสนับสนุนการหาเว็บไซต์ต่างๆแล้ว ยังสนับสนุนการหารูปภาพด้วย โดย google จะมีหัวข้อเฉาะสำหรับการหารูปภาพ ซึ่งอยู่ทางบนซ้าย ว่า picture หรือรูปภาพ ให้เราพิมพ์หัวรูปที่เราต้องการจะหาลงไปในช่อง search แล้วคลิกคำว่ารูปภาพ ภาพที่คุณต้องการหาก็จะขึ้นมาให้เลือกมากมาย พร้อมกับแหล่งที่มาของเว็บไซต์เหล่านั้น
5.การสืบค้นเนื้อหา ข้อมูล ผ่านทางเว็บบอร์ด
เวบบอร์ดนั้น เป็นลักษณะเว็บของการตั้งกระทู้เพื่อแสดงความคิดเห็น หากเราต้องการจะค้นคว้าหาข้อมูลใดๆใน web search engine ไม่เจอ เราก็สามารถไปตั้งกระทู้ที่ผ่านทางเว็บบอร์ดเพื่อสอบถามความคิดเห็นกับเพื่อนๆในอินเตอร์เน็ตได้ หากผู้ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นั้น สามารถช่วยเหลือและตอบคุณได้ เขาก็จะตอบ และแสดงความคิดเห็นลงไป การค้นคว้าหาข้อมูลแบบนี้ เราจำเป็นต้องคัดเลือก และใช้วิจารณญาณ เพราะคนที่มาตอบนั้น ต่างมีความคิดเห็นไม่เมหือนกัน มีทั้งถุกต้องและไม่ถูก เป็นเหมือนการสื่อสารกับเพื่อนในกลุ่ม ดังนั้น เราควรจะชั่งน้ำหนักความคิดเห็นเหล่านั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เราต้องการค้นหาได้ถูกต้องที่สุด
ดาวน์โหลด (1).jpg

4.               อธิบายลักษณะของโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์
ขณะใช้งานอินเทอร์เน็ต มักมีโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์แฝงมากับข้อมูลที่อยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โปรแกรมลักษณะนี้เรียกว่า มัลแวร์( malware ) เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลาย หรือ รบกวนระบบคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น

    ไวรัส ( virus ) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นเพื่อสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งานและอาจร้ายแรงถึงขั้นทำลายระบบคอมพิวเตอร์ให้เสียหายทั้งระบบ โดยจะทำการแนบโปรแกรมแปลกปลอมเข้าไปกับโปรแกรมอื่น แล้วแพร่กระจายตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ โดยผ่านสื่อบันทึกข้อมูล เช่น แผ่นบันทึก แฟลชไดรฟ์ หรือผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

    เวิร์ม ( worm ) หรือหนอนคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่สามารถคัดลอกตัวเองแล้วส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทันที โดยอาศัยการเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ อินเทอร์เน็ตที่ไม่มีการป้องกันที่ดีพอ โดยจะเข้าไปกีดขวางการทำงานของระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ช้าลง หรือ หยุดทำงาน

    ม้าโทรจัน ( trojan horse ) เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่ผ่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยการแอบแฝงตัวเองว่าเป็นโปรแกรมอื่น เช่น การหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจว่าเป็นโปรแกรมเกม หรือ โปรแกรมสกรีนเซิร์ฟเวอร์ ที่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดฟรีจากอินเทอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดโปรแกรมนี้เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว อาจจะมีไวรัสซึ่งติดมากับม้าโทรจันนี้เข้าไปทำความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ได้

    สปายแวร์ ( spyware ) เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้คอยติดตาม บันทึกข้อมูลส่วนบุคคล รายงานข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนบนอินเทอร์เน็ต หรือ ทำการเปลี่ยนการตั้งค่าของโปรแกรมเบราว์เซอร์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญ และ ทำให้ประสิทธิภาพให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ช้าลง เช่น คีย์ล๊อคเกอร์ ( key-logger) เป็นสปายแวร์ประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการกดแป้นคีย์บอร์ดของผู้ใช้ ข้อมูลที่จัดเก็บจะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ได้

    แอดแวร์ ( adware ) เป็นโปรแกรมแอบแฝงที่เมื่อโปรแกรมได้รับการดาวน์โหลดหรือมีการติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว จะแสดงหน้าต่าง ป๊อปอัพ ( pop – up ) ที่มีการโฆษณาสินค้าออกมาเป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ

    สแปม ( spam ) เป็นการใช้ระบบส่งอีเมลในการส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ ให้กับผู้ใช้เป็นจำนวนมาก สแปมที่พบบ่อย คือการส่งข้อความโฆษณาขายสินค้า บริการ ท่องเที่ยว ชักชวนประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง ผ่านระบบอีเมลที่เรียกว่า เมลขยะ ( junk mail ) นอกจากนี้อาจมีการส่งผ่านสื่ออื่น เช่น การส่งสารทันที โทรศัพท์เคลื่อนที่ เกมออนไลน์ โปรแกรมค้นหา บล็อก หรือ วิกิ ซึ่งส่งผลให้เกิดการรบกวนการใช้สื่อสารเหล่านั้น
ดาวน์โหลด (2).jpg
ขอขอบคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น