วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 3 ซอฟแวร์


ซอฟแวร์

ความหมายของซอฟต์แวร์

       การใช้งานระบบสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน เช่น การซื้อของโดยใช้บัตรเครดิต ผู้ขายจะตรวจสอบบัตรเครดิตโดยใช้เครื่องอ่านบัตร แล้วส่งข้อมูลของบัตรเครดิตไปยังศูนย์ข้อมูลของบริษัทผู้ออกบัตร การตรวจสอบจะกระทำกับฐานข้อมูลกลาง โดยมีกลไกหรือเงื่อนไขของการตรวจสอบ จากนั้นจึงให้คำตอบว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธบัตรเครดิตใบนั้น การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปโดยอัตโนมัติตามคำสั่งซอฟต์แวร์
       ทำนองเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า พนักงานเก็บเงินจะใช้เครื่องกราดตรวจอ่านรหัสแท่งบนสินค้าทำให้บนจอภาพปรากฏชื่อสินค้า รหัสสินค้า และราคา ในการดำเนินการนี้ต้องใช้ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้
      ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นลำดับขั้นตอนของการทำงาน ชุดคำสั่งเหล่านี้ได้จัดเตรียมไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์อ่านชุดคำสั่งแล้วทำงานตาม ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดทำขึ้น และคอมพิวเตอร์จะทำงานตามคุณลักษณะของซอฟต์แวร์ที่วางไว้แล้วเท่านั้น
       ชนิดของซอฟต์แวร์แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software)

ชนิดของซอฟแวร์

  ในบรรดาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟต์แวร์
เหล่านี้อาจได้รับ การพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิด
ของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงานพอแบ่งแยก ซอฟต์แวร์ได้เป็นสองประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) 
และ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) 
         1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบ
คือดำเนินงาน พื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมาย
ให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผล บนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูล
บนหน่วยความจำรองเมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
์จะทำงานตามโปรแกรมทันที โปรแกรมแรกที่สั่งคอมพิวเตอร์ทำงานนี้ เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบอาจเก็บไว้
ในรอม หรือในแผ่นจานแม่เหล็ก หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้ ซอฟต์แวร์ระบบยังใช้เป็นเครื่องมือ
ในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ และยังรวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาต่าง ๆ ซอฟต์แวร์ระบบที่นิยมแพร่หลาย ได้แก่ 
DOS, UNIX, WINDOWS, SUN, OS/2, NET WARE เป็นต้น 
        2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมา
ใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์
์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น
ใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบัน มีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ฯลฯ 


ข้อควรคำนึงถึงในการใช้ซอฟแวร์

คำว่า "การเชื่อมโยงกัน" ถูกใช้ในความหมายที่หมายถึง “อินเตอร์เนท” วิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing คือ การประมวลผลบนพื้นฐานของอินเตอร์เนท วิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีที่ใช้อินเตอร์เนทและเซอร์เวอร์ (Server) กลางที่เข้าถึงได้จากระยะไกลเพื่อรักษาข้อมูลและโปรแกรมการใช้งาน ทั้งนี้ วิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing ทำให้ลูกค้าและธุรกิจสามารถใช้โปรแกรมการใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม และสามารถเข้าถึงระบบได้ผ่านอินเตอร์เนทจากสถานที่ใดก็ได้ เทคโนโลยีนี้ทำให้การประมวลผลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการเก็บข้อมูลด้วยการมีคลังข้อมูลกลาง หน่วยความจำ การดำเนินการและความเร็วข้อมูล
วิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing สามารถแบ่งออกได้เป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนการใช้งาน ระบบปฏิบัติการ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยส่วนการใช้งานถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ซอฟแวร์เป็นการบริการ หรือ ระบบซอฟท์แวร์แบบ SaaS (Software as a Service) ซึ่งเป็นก้าวใหม่ของการบริการส่งเทคโนโลยี เป็นปรากฎการณ์ที่กำลังเติบโตในโลกของธุรกิจในทุกวันนี้ ทั้งนี้ เนื่องจาก บริษัทต่างตระหนักว่ามีผลประโยชน์มากมายที่ได้จากแนวคิดของนวัตกรรมวิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing นี้ ทั้งนี้ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และซอฟแวร์เนื่องจากผู้ให้บริการจะเป็นผู้ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบ จะมีการตรวจสอบการใช้งานในแต่ละสัปดาห์โดยไม่ให้ระยะเวลานานเป็นเดือนหรือปี ท่านทำเพียงการจ่ายค่าบริการรายเดือนในอัตราที่ตายตัว จากนั้นท่านจะสามารถเข้าถึงการใช้งานและบริการผ่านอินเตอร์เนทได้ ทั้งนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่มีการพัฒนาปรับปรุงระบบ ทำให้ระบบทันสมัย รวดเร็ว และยืดหยุ่นในการใช้งาน ดังนั้น จึงทำให้ผู้ใช้งานปลายทางสามารถใช้งานได้จากระบบอย่างคุ้มค่าการลงทุนมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับซอฟแวร์ที่ทำการจัดซื้อแบบทั่วไปแล้ว วิธีการใช้ระบบซอฟท์แวร์แบบ Cloud Computing ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างง่ายดาย รวดเร็วขึ้น และธุรกิจสามารถจัดหาบริการดังกล่าวได้เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานของสถานประกอบการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม

ขอขอบคุณhttp://www.igarment.net/content/th/page 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น